ออกซิเจน กับสุขถาพ อ๊อกซิเจน และอ๊อกซิเจนในน้ำ อาการหลงลืม ลืมง่าย ความจำไม่ดี กระดูกพรุน ไม่สดชื่น เพลีย ล้า ไม่มีแรง อัมพฤกษ์ เครียด จิตวิตก ขาดความมั่นใจ หอบหืด ภูิแพ้ โรคปอด โรคตับ และเบาหวาน

ก๊าซออกซิเจน

ก๊าซออกซิเจน ( O2 ) คือ ออกซิเจนในสภาวะก๊าชที่มีอยู่ในอากาศ โดยธรรมชาติเกิดมาจากกระบวนการสังเคราะห์แสงของพืช ก๊าชออกซิเจนเป็นก๊าซที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของทั้งพืช สัตว์ และมนุษย์ ถ้าขาดก๊าชออกซิเจนก็จะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เพราะหลังจากเราหายใจเข้าไปก๊าชออกซิเจนจะถูกนำมาใช้เป็นหนึ่งในองค์ประกอบของกระบวนการต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น กระบวนการเปลี่ยนแปลงอาหารให้เป็นพลังงาน กระบวนการรักษาเซลล์ การสังเคราะห์เอนไซม์หรือวิตามินที่ใช้ในร่างกาย เป็นต้น

โดยในอากาศจะมีค่าก๊าชออกซิเจนผสมอยู่ร้อยละ 21 รองมาจากก๊าซไนโตรเจนที่มีอยู่ประมาณร้อยละ 78 ก๊าชออกซิเจนเป็นก๊าซไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรสชาติ ละลายน้ำได้ ไม่ติดไฟแต่ทว่าออกซิเจนเป็นสารที่ช่วยให้ติดไฟ นั่นคือถ้าไม่มีออกซิเจนก็จะไม่สามารถติดไฟได้

Spo2 คือ ความอิ่มตัวของออกซิเจนในเส้นเลือดฝอยของเส้นโลหิตฝอยซึ่งเป็นค่าประมาณของปริมาณออกซิเจนในเลือด เป็นเปอร์เซ็นต์ของเฮโมโกลบินออกซิเจน หรือ ความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดในเลือด ซึ่งเป็นรอบการหายใจ

Oxygen saturation คือ การวัดความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด ซึ่งปกติอยู่ที่ระดับความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดแดงปกติในมนุษย์อยู่ที่ 95–100 เปอร์เซ็นต์

การใช้งานออกซิเจนของร่างกาย

ก๊าชออกซิเจนจะเข้าสู่ร่างกายโดยการหายใจเข้าไปสู่ปอด เมื่อก๊าชออกซิเจนเข้าสู่ปอดจะเกิดการแลกเปลี่ยนก๊าซเพื่อให้ก๊าซออกซิเจนเข้าไปจับฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงและเดินทางเข้าหัวใจ หัวใจจะส่งเม็ดเลือดแดงที่เต็มไปด้วยออกซิเจนนี้ไปยังอวัยวะต่าง ๆ เพื่อที่ออกซิเจนจะเข้าไปช่วยในกระบวนการเมตาบอลิซึมของงเซลล์ตามอวัยวะเพื่อรักษาให้เซลล์มีชีวิตอยู่ต่อไป เช่น เซลล์กล้ามเนื้อ เซลล์ตับ เซลล์ไต เซลล์สมอง เป็นต้น ถ้าร่างกายเกิดภาวะขาดออกซิเจนหรือได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอต่อความต้องการจะทำให้เซลล์ตายส่งผลให้อวัยวะตายตามไปด้วย

ออกซิเจนที่อยู่ในอากาศเกิดจากกระบวนการสังเคราะห์แสงของพืช ร่างกายคนเราจะใช้ก๊าซออกซิเจนในกระบวนต่าง ๆ ภายในร่างกาย รวมถึงการเมตาบอลิซึมของเซลล์

ผลของปริมาณออกซิเจนในกระแสเลือด

ปริมาณออกซิเจนที่มีอยู่ในกระแสเลือดนั้นส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของเราได้ โดยปริมาณของออกซิเจนในร่างกายแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ

1. ระดับออกซิเจนต่ำ ( Hypoxemia หรือ hypoxia ) คือ แรงดันออกซิเจนหรือค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนน้อยว่าปกติ นั่นคือมีระดับที่มีออกซิเจนในเลือดอยู่ต่ำกว่า 60 มิลลิเมตรปรอทหรือมีค่าความอิ่มตัวในเลือดน้อยกว่า 96% การที่มีระดับออกซิเจนต่ำอาจเกิดได้จากการเป็นโรคโลหิตจาง โรคปอดเรื้อรัง โรคถุงลมโป่งพอง โรคปอดบวม หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับหลอดลมและปอด ภาวะน้ำท่วมปอด ซึ่งโรคเหล่านี้จะทำให้ปอดทำงานได้ไม่เต็มที่ร่างกายจึงเกิดภาวะขาดออกซิเจน ส่งผลให้มสมองทำงานและสั่งงานช้าลงหรือเสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลว หรือการเข้าไปอยู่ในสถานที่อับอากาศก็เป็นสาเหตุให้เกิดสภาวะออกซิเจนต่ำได้

2. ระดับออกซิเจนปกติ คือ แรงดันออกซิเจนหรือค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนอยู่ที่ 96-99% ซึ่งเป็นสภาวะที่ดีที่สุดต่อร่างกาย ซึ่งระดับออกซิเจนนี้จะส่งผลให้

2.1 สมองทำงานดี ที่ระดับออกซิเจนปกติสมองจะมีการสั่งงานได้ดี เนื่องจากซลล์สมองจะใช้ปริมาณออกซิเจนมากกว่า 20% ของออกซิเจนทั้งหมดในการทำงาน ดังนั้นเมื่อร่างกายมีออกซิเจนอยู่ในระดับปกติจะทำให้เซลล์สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้มีความจำดี มีสมาธิในการเรียนและการทำงาน เรียนรู้เข้าใจสิ่งต่างๆ ได้ดีและช่วยให้ระบบภายในร่างกายทำงานได้ปกติภายใต้การสั่งงานของสมองที่ถูกต้อง

2.2 ผิวพรรณดี เนื่องจากออกซิเจนและน้ำคือองค์ประกอบที่สำคัญของเซลล์ ดังนั้นเมื่อร่างกายได้รับน้ำและออกซิเจนในปริมาณที่เพียงพอ เซลล์ที่อยู่ในร่างกายก็จะแข็งแรงสมบูรณ์ส่งผลให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล และช่วยให้เซลล์มีอายุยืนขึ้น ช่วยลดริ้วรอยที่เกิดขึ้นก่อนวัยอันควร

2.3 ร่างกายแข็งแรง ออกซิเจนที่อยู่ในรูปของน้ำ เมื่อเข้าร่างกายจะดูดซึมเข้าสู่ตับ เซลล์ของตับจะได้รับออกซิเจนที่อยู่ในน้ำโดยที่เซลล์ตับจะดึงออกซิเจนมาใช้ในกระบวนการเปลี่ยนสารอาหารที่ดูดซึมเข้ามาให้เป็นพลังงานส่งให้กับร่างกาย เมื่อเซลล์ตับแข็งแรงจึงสามารถสร้างพลังงานเพียงพอในการใช้งานของร่างกาย ร่างกายจึงแข็งแรงสมบูรณ์และยังช่วยให้ตับสามารถขับสารพิษออกจากร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการตกค้างของสารพิษที่เป็นอัตรายต่อร่างกาย 

 ทางการแพทย์ ออกซิเจนจัดเป็นตัวกระตุ้นและช่วยให้บาดแผลหายเร็วขึ้น โดยเฉพาะแผลที่เกิดจากโรคเรื้อรัง เช่น แผลของหลอดเลือด แผลที่เกิดจากการฉายรังสี เป็นต้น โดยการที่ร่างกายได้รับออกซิเจนในปริมาณที่พอเหมาะจะทำให้เซลล์ที่อยู่ในบริเวณที่เกิดการอักเสบหรือบริเวณที่เกิดแผลสามารถทำงานหรือซ่อมแซมเซลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยทำลายเชื้อโรคที่เข้ามาทำลายเนื้อเยื่อหรือเซลล์ และช่วยสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่ จึงทำให้แผลที่เกิดขึ้นหายเร็วขึ้น ช่วยในผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด และยังสามารถช่วยฆ่าเชื้อโรคที่อยู่ในระบบทางเดินหายใจ ป้องกันการเกิดโรคในระบบทางเดินหายใจได้อีกด้วย

ก๊าซออกซิเจน

ก๊าซออกซิเจน ( O2 ) คือ ออกซิเจนในสภาวะก๊าชที่มีอยู่ในอากาศ โดยธรรมชาติเกิดมาจากกระบวนการสังเคราะห์แสงของพืช ก๊าชออกซิเจนเป็นก๊าซที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของทั้งพืช สัตว์ และมนุษย์ ก๊าชออกซิเจนจะถูกนำมาใช้เป็นหนึ่งในองค์ประกอบของกระบวนการต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น กระบวนการเปลี่ยนแปลงอาหารให้เป็นพลังงาน กระบวนการรักษาเซลล์ การสังเคราะห์เอนไซม์หรือวิตามินที่ใช้ในร่างกาย

โดยในอากาศจะมีค่าก๊าชออกซิเจนผสมอยู่ร้อยละ 21 รองมาจากก๊าซไนโตรเจนที่มีอยู่ประมาณร้อยละ 78 ก๊าชออกซิเจนเป็นก๊าซไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรสชาติ ละลายน้ำได้

Spo2 คือ ความอิ่มตัวของออกซิเจนในเส้นเลือดฝอยของเส้นโลหิตฝอยซึ่งเป็นค่าประมาณของปริมาณออกซิเจนในเลือด เป็นเปอร์เซ็นต์ของเฮโมโกลบินออกซิเจน หรือ ความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดในเลือด ซึ่งเป็นรอบการหายใจ

Oxygen saturation คือ การวัดความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด ซึ่งปกติอยู่ที่ระดับความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดแดงปกติในมนุษย์อยู่ที่ 95–100 เปอร์เซ็นต์

ก๊าชออกซิเจนจะเข้าสู่ร่างกายโดยการหายใจเข้าไปสู่ปอด เมื่อก๊าชออกซิเจนเข้าสู่ปอดจะเกิดการแลกเปลี่ยนก๊าซเพื่อให้ก๊าซออกซิเจนเข้าไปจับฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงและเดินทางเข้าหัวใจ หัวใจจะส่งเม็ดเลือดแดงที่เต็มไปด้วยออกซิเจนนี้ไปยังอวัยวะต่าง ๆ เพื่อที่ออกซิเจนจะเข้าไปช่วยในกระบวนการเมตาบอลิซึมของงเซลล์ตามอวัยวะเพื่อรักษาให้เซลล์มีชีวิตอยู่ต่อไป เช่น เซลล์กล้ามเนื้อ เซลล์ตับ เซลล์ไต เซลล์สมอง เป็นต้น ถ้าร่างกายเกิดภาวะขาดออกซิเจนหรือได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอต่อความต้องการจะทำให้เซลล์ตายส่งผลให้อวัยวะตายตามไปด้วย

ผลของปริมาณออกซิเจนในกระแสเลือด

ปริมาณออกซิเจนที่มีอยู่ในกระแสเลือดนั้นส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของเราได้ โดยปริมาณของออกซิเจนในร่างกายแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ

1. ระดับออกซิเจนต่ำ ( Hypoxemia หรือ hypoxia ) คือ แรงดันออกซิเจนหรือค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนน้อยว่าปกติ นั่นคือมีระดับที่มีออกซิเจนในเลือดอยู่ต่ำกว่า 60 มิลลิเมตรปรอทหรือมีค่าความอิ่มตัวในเลือดน้อยกว่า 96% การที่มีระดับออกซิเจนต่ำอาจเกิดได้จากการเป็นโรคโลหิตจาง โรคปอดเรื้อรัง โรคถุงลมโป่งพอง โรคปอดบวม หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับหลอดลมและปอด ภาวะน้ำท่วมปอด ซึ่งโรคเหล่านี้จะทำให้ปอดทำงานได้ไม่เต็มที่ร่างกายจึงเกิดภาวะขาดออกซิเจน ส่งผลให้มสมองทำงานและสั่งงานช้าลงหรือเสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลว หรือการเข้าไปอยู่ในสถานที่อับอากาศก็เป็นสาเหตุให้เกิดสภาวะออกซิเจนต่ำได้

2. ระดับออกซิเจนปกติ คือ แรงดันออกซิเจนหรือค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนอยู่ที่ 96-99% ซึ่งเป็นสภาวะที่ดีที่สุดต่อร่างกาย ซึ่งระดับออกซิเจนนี้จะส่งผลให้

2.1 สมองทำงานดี ที่ระดับออกซิเจนปกติสมองจะมีการสั่งงานได้ดี เนื่องจากซลล์สมองจะใช้ปริมาณออกซิเจนมากกว่า 20% ของออกซิเจนทั้งหมดในการทำงาน ดังนั้นเมื่อร่างกายมีออกซิเจนอยู่ในระดับปกติจะทำให้เซลล์สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้มีความจำดี มีสมาธิในการเรียนและการทำงาน เรียนรู้เข้าใจสิ่งต่างๆ ได้ดีและช่วยให้ระบบภายในร่างกายทำงานได้ปกติภายใต้การสั่งงานของสมองที่ถูกต้อง

2.2 ผิวพรรณดี เนื่องจากออกซิเจนและน้ำคือองค์ประกอบที่สำคัญของเซลล์ ดังนั้นเมื่อร่างกายได้รับน้ำและออกซิเจนในปริมาณที่เพียงพอ เซลล์ที่อยู่ในร่างกายก็จะแข็งแรงสมบูรณ์ส่งผลให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล และช่วยให้เซลล์มีอายุยืนขึ้น ช่วยลดริ้วรอยที่เกิดขึ้นก่อนวัยอันควร

2.3 ร่างกายแข็งแรง ออกซิเจนที่อยู่ในรูปของน้ำ เมื่อเข้าร่างกายจะดูดซึมเข้าสู่ตับ เซลล์ของตับจะได้รับออกซิเจนที่อยู่ในน้ำโดยที่เซลล์ตับจะดึงออกซิเจนมาใช้ในกระบวนการเปลี่ยนสารอาหารที่ดูดซึมเข้ามาให้เป็นพลังงานส่งให้กับร่างกาย เมื่อเซลล์ตับแข็งแรงจึงสามารถสร้างพลังงานเพียงพอในการใช้งานของร่างกาย ร่างกายจึงแข็งแรงสมบูรณ์และยังช่วยให้ตับสามารถขับสารพิษออกจากร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการตกค้างของสารพิษที่เป็นอัตรายต่อร่างกาย 

 ทางการแพทย์ ออกซิเจนจัดเป็นตัวกระตุ้นและช่วยให้บาดแผลหายเร็วขึ้น โดยเฉพาะแผลที่เกิดจากโรคเรื้อรัง เช่น แผลของหลอดเลือด แผลที่เกิดจากการฉายรังสี เป็นต้น โดยการที่ร่างกายได้รับออกซิเจนในปริมาณที่พอเหมาะจะทำให้เซลล์ที่อยู่ในบริเวณที่เกิดการอักเสบหรือบริเวณที่เกิดแผลสามารถทำงานหรือซ่อมแซมเซลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยทำลายเชื้อโรคที่เข้ามาทำลายเนื้อเยื่อหรือเซลล์ และช่วยสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่ จึงทำให้แผลที่เกิดขึ้นหายเร็วขึ้น ช่วยในผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด และยังสามารถช่วยฆ่าเชื้อโรคที่อยู่ในระบบทางเดินหายใจ ป้องกันการเกิดโรคในระบบทางเดินหายใจได้อีกด้วย

ก๊าซออกซิเจน ( O2 ) คือ ออกซิเจนในสภาวะก๊าชที่มีอยู่ในอากาศ โดยธรรมชาติเกิดมาจากกระบวนการสังเคราะห์แสงของพืช ก๊าชออกซิเจนเป็นก๊าซที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตของทั้งพืช สัตว์ และมนุษย์ ถ้าขาดก๊าชออกซิเจนก็จะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เพราะหลังจากเราหายใจเข้าไปก๊าชออกซิเจนจะถูกนำมาใช้เป็นหนึ่งในองค์ประกอบของกระบวนการต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น กระบวนการเปลี่ยนแปลงอาหารให้เป็นพลังงาน กระบวนการรักษาเซลล์ การสังเคราะห์เอนไซม์หรือวิตามินที่ใช้ในร่างกาย

ในอากาศจะมีค่าก๊าชออกซิเจนผสมอยู่ร้อยละ 21 รองมาจากก๊าซไนโตรเจนที่มีอยู่ประมาณร้อยละ 78 ก๊าชออกซิเจนเป็นก๊าซไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรสชาติ ละลายน้ำได้

Spo2 คือ ความอิ่มตัวของออกซิเจนในเส้นเลือดฝอยของเส้นโลหิตฝอยซึ่งเป็นค่าประมาณของปริมาณออกซิเจนในเลือด เป็นเปอร์เซ็นต์ของเฮโมโกลบินออกซิเจน หรือ ความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดในเลือด ซึ่งเป็นรอบการหายใจ

Oxygen saturation คือ การวัดความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือด ซึ่งปกติอยู่ที่ระดับความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือดแดงปกติในมนุษย์อยู่ที่ 95–100 เปอร์เซ็นต์

ก๊าชออกซิเจนจะเข้าสู่ร่างกายโดยการหายใจเข้าไปสู่ปอด เมื่อก๊าชออกซิเจนเข้าสู่ปอดจะเกิดการแลกเปลี่ยนก๊าซเพื่อให้ก๊าซออกซิเจนเข้าไปจับฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงและเดินทางเข้าหัวใจ หัวใจจะส่งเม็ดเลือดแดงที่เต็มไปด้วยออกซิเจนนี้ไปยังอวัยวะต่าง ๆ เพื่อที่ออกซิเจนจะเข้าไปช่วยในกระบวนการเมตาบอลิซึมของงเซลล์ตามอวัยวะเพื่อรักษาให้เซลล์มีชีวิตอยู่ต่อไป เช่น เซลล์กล้ามเนื้อ เซลล์ตับ เซลล์ไต เซลล์สมอง เป็นต้น ถ้าร่างกายเกิดภาวะขาดออกซิเจนหรือได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอต่อความต้องการจะทำให้เซลล์ตายส่งผลให้อวัยวะตายตามไปด้วย

ผลของปริมาณออกซิเจนในกระแสเลือด

ปริมาณออกซิเจนที่มีอยู่ในกระแสเลือดนั้นส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของเราได้ โดยปริมาณของออกซิเจนในร่างกายแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ

1. ระดับออกซิเจนต่ำ ( Hypoxemia หรือ hypoxia ) คือ แรงดันออกซิเจนหรือค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนน้อยว่าปกติ นั่นคือมีระดับที่มีออกซิเจนในเลือดอยู่ต่ำกว่า 60 มิลลิเมตรปรอทหรือมีค่าความอิ่มตัวในเลือดน้อยกว่า 96% การที่มีระดับออกซิเจนต่ำอาจเกิดได้จากการเป็นโรคโลหิตจาง โรคปอดเรื้อรัง โรคถุงลมโป่งพอง โรคปอดบวม หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับหลอดลมและปอด ภาวะน้ำท่วมปอด ซึ่งโรคเหล่านี้จะทำให้ปอดทำงานได้ไม่เต็มที่ร่างกายจึงเกิดภาวะขาดออกซิเจน ส่งผลให้มสมองทำงานและสั่งงานช้าลงหรือเสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลว หรือการเข้าไปอยู่ในสถานที่อับอากาศก็เป็นสาเหตุให้เกิดสภาวะออกซิเจนต่ำได้

2. ระดับออกซิเจนปกติ คือ แรงดันออกซิเจนหรือค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนอยู่ที่ 96-99% ซึ่งเป็นสภาวะที่ดีที่สุดต่อร่างกาย ซึ่งระดับออกซิเจนนี้จะส่งผลให้

2.1 สมองทำงานดี ที่ระดับออกซิเจนปกติสมองจะมีการสั่งงานได้ดี เนื่องจากซลล์สมองจะใช้ปริมาณออกซิเจนมากกว่า 20% ของออกซิเจนทั้งหมดในการทำงาน ดังนั้นเมื่อร่างกายมีออกซิเจนอยู่ในระดับปกติจะทำให้เซลล์สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้มีความจำดี มีสมาธิในการเรียนและการทำงาน เรียนรู้เข้าใจสิ่งต่างๆ ได้ดีและช่วยให้ระบบภายในร่างกายทำงานได้ปกติภายใต้การสั่งงานของสมองที่ถูกต้อง

2.2 ผิวพรรณดี เนื่องจากออกซิเจนและน้ำคือองค์ประกอบที่สำคัญของเซลล์ ดังนั้นเมื่อร่างกายได้รับน้ำและออกซิเจนในปริมาณที่เพียงพอ เซลล์ที่อยู่ในร่างกายก็จะแข็งแรงสมบูรณ์ส่งผลให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล และช่วยให้เซลล์มีอายุยืนขึ้น ช่วยลดริ้วรอยที่เกิดขึ้นก่อนวัยอันควร

2.3 ร่างกายแข็งแรง ออกซิเจนที่อยู่ในรูปของน้ำ เมื่อเข้าร่างกายจะดูดซึมเข้าสู่ตับ เซลล์ของตับจะได้รับออกซิเจนที่อยู่ในน้ำโดยที่เซลล์ตับจะดึงออกซิเจนมาใช้ในกระบวนการเปลี่ยนสารอาหารที่ดูดซึมเข้ามาให้เป็นพลังงานส่งให้กับร่างกาย เมื่อเซลล์ตับแข็งแรงจึงสามารถสร้างพลังงานเพียงพอในการใช้งานของร่างกาย ร่างกายจึงแข็งแรงสมบูรณ์และยังช่วยให้ตับสามารถขับสารพิษออกจากร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการตกค้างของสารพิษที่เป็นอัตรายต่อร่างกาย 

 ทางการแพทย์ ออกซิเจนจัดเป็นตัวกระตุ้นและช่วยให้บาดแผลหายเร็วขึ้น โดยเฉพาะแผลที่เกิดจากโรคเรื้อรัง เช่น แผลของหลอดเลือด แผลที่เกิดจากการฉายรังสี เป็นต้น โดยการที่ร่างกายได้รับออกซิเจนในปริมาณที่พอเหมาะจะทำให้เซลล์ที่อยู่ในบริเวณที่เกิดการอักเสบหรือบริเวณที่เกิดแผลสามารถทำงานหรือซ่อมแซมเซลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยทำลายเชื้อโรคที่เข้ามาทำลายเนื้อเยื่อหรือเซลล์ และช่วยสร้างเนื้อเยื่อขึ้นมาใหม่ จึงทำให้แผลที่เกิดขึ้นหายเร็วขึ้น ช่วยในผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด และยังสามารถช่วยฆ่าเชื้อโรคที่อยู่ในระบบทางเดินหายใจ ป้องกันการเกิดโรคในระบบทางเดินหายใจได้อีกด้วย

**************************************************************************************** อาการหลงลืม ลืมง่าย ความจำไม่ดี กระดูกพรุน ไม่สดชื่น เพลีย ล้า ไม่มีแรง อัมพฤกษ์ เครียด จิตวิตก ขาดความมั่นใจ หอบหืด ภูิแพ้ โรคปอด โรคตับ และเบาหวาน นอนหลับยาก

ข้อแนะนำ การส่งเสริมคุณภาพชีวิตด้วยอ๊อกซิเจนด้วยน้ำดื่มผสมอ๊อกซิเจน จะช่วยแก้ปัญหาสุขภาพตามลักษณะอาการ และโรคต่างๆที่ขึ้นหัวข้อไว้

****อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลมาลง****

หากคนไข้ ลูกค้าสนใจโปรดติดต่อหมอโดยตรง 0823877288 โทร/ไลน์

โพสท์ใน general | ใส่ความเห็น

รักษาโรคอัมพาตใบหน้า เบลพาซี่ ขยับปากตาปากไม่ได้ โรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก

รักษาโรคอัมพาตใบหน้า เบลพาซี่ ขยับปากตาปากไม่ได้ โรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก

โรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก (Bell’s palsy) 

ภาวะที่กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือเกิดอัมพาตชั่วขณะ โดยมีสาเหตุมาจากเส้นประสาทบนใบหน้า หรือเส้นประสาทสมอง (Cranial Nerve) คู่ที่ 7 ที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อใบหน้าเกิดความผิดปกติ โดยอาจมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัส เช่น เชื้อเริม (Herpes simplex virus) งูสวัด (Herpes zoster) ที่แฝงอยู่ในปมประสาท หากร่างกายมีภูมิต้านทานต่ำลงจะทำให้เกิดโรคนี้ได้

อาการของโรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก

อาการของโรคนี้มักจะเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน และรุนแรงภายใน 24-48 ชั่วโมง

  1. มีอาการกล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรง ใบหน้าชา
  2. ไม่สามารถยักคิ้วได้ ตาปิดไม่สนิท หนังตา และมุมปากตก รับประทานน้ำแล้วไหลออกมาจากมุมปาก
  3. บางรายอาจมีอาการปวดบริเวณหลังใบหู
  4. มีอาการระคายเคืองที่ตา รู้สึกตาแห้ง หรือมีน้ำตาไหล
  5. รับรสชาติได้น้อยลง
โรคที่มีอาการแบบนี้สามารถรักษาได้ เมื่อพบว่ามีอาการสามารถติดต่อได้โดยเร็ว

รักษาไม่ยากแต่ต้องรับรักษาก่อนเส้นประสาทจะแข็งตัว อัมพาต ไม่ควรรอให้หายเอง โดยไม่รู้วิธีการรักษา

รูปภาพนี้มี Alt แอตทริบิวต์เป็นค่าว่าง ชื่อไฟล์คือ ร4-1024x614.jpg
รูปภาพนี้มี Alt แอตทริบิวต์เป็นค่าว่าง ชื่อไฟล์คือ ร2-1024x614.jpg
โพสท์ใน general | ใส่ความเห็น

รักษาอาการหลงลืม ลืมง่าย ความจำไม่ดี กระดูกพรุน ไม่สดชื่น เพลีย ล้า ไม่มีแรง อัมพฤกษ์ เครียด จิตวิตก ขาดความมั่นใจ หอบหืด ภูมิแพ้ โรคปอด โรคตับ และเบาหวาน นอนหลับยาก

  ปรึกษาก่อนได้ครับ หากพบว่ามีปัญหาสุขภาพ ติดต่อปรึกษาก่อนได้ครับ โทร 0823877288 ไอดีไลน์ yaforyou

ความรู้ที่หลายท่านอาจไม่รู้

น้ำออกซิเจนตราOxy คือน้ำที่สะอาดบริสุทธิ์ผสมกับก๊าซออกซิเจนที่ความเข้มข้นสูง150ppm

ทำให้น้ำออกซิเจนมีประโยชน์กับร่างกายอย่างมากมาย เพราะออกซิเจนเป็นธาตุที่ทำให้เกิดชีวิตพลังงานและการผลิตเอนไซม์อย่างมีความสมดุล ถ้าเซลล์ไมโทคอนเดรียขาดออกซิเจนกระบวนการแห่งการมีชีวิตจะสิ้นสุดลงและเสียชีวิตไปในที่สุด

    จากประสบการณ์ผู้เขียน ดร.มานิตย์ ศรีพจน์ แพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก ขออธิบายโดยสั้นๆคือ น้ำออกซิเจน Oxy water 150 ppm นี้มีคุณค่าอย่างอเนกอนันต์กับการแก้ปัญหาสุขภาพได้ ดังนี้    

– ช่วยซ่อมเซล์ลเสริมพลังงานให้เดนไดรท์Dendrite และแอคซอน Axon ให้มีความสามารถนำกระแสประสาทImpulse เคลื่อนไปเชื่อมต่อเซลล์สมองและ เซล์ลเครือข่ายInterneuron สู่ Target มีประสิทธิภาพ

  -ระบบในร่างกายกลับมาทำงานดีขึ้น มีพลังงาน แข็งแรงขึ้น Psuedoheart ตามหลอดเลือดให้แข็งแรง มีกำลังบีบตัวส่ง Oxyhemoglobuin ไปทั่วถึงเซล์ล ไปสู่เซล์ลMitochondria กระตุ้นการสร้างพลังงาน ATP อย่างเป็นระบบที่สมบูรณ์

– ช่วยแก้อาการของสารสื่อประสาททำงานผิดปกติ (Neurotransmitter disorders) ช่วยทำให้นอนหลับสบาย คลายความเครียด โดยมีผลมีการสร้างสารสื่อกระแสประสาท Neurotransmitter ทำให้การทำงานของระบบต่างๆได้พัฒนาตัวเองให้สมบูรณ์ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตามลำดับเวลาการดื่มเป็นประจำ(ในคนไข้) และเพิ่มประสิทธิภาพในคนปกติทั่วไป

– ขับกรดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกาย ทำให้เลือดมีออกซิเจนเพียงพอ เลือดจะปรับสภาพตัวเองให้เป็นด่าง เพิ่มออกซิเจนในเลือดให้เพียงพอกับการใช้พลังงาน

– ช่วยแก้ปัญหาโรคหลอดเลือดอักเสบและแข็งตัว รวมถึงลดความข้นของเลือด ทำให้อวัยวะรับออกซิเจนโปรตีน และสารอาหาร ได้สะดวกขึ้น

– เสริมภูมิต้านทานโรคทำให้ร่างกายต้านเชื้อโรคและขับสารพิษออกจากร่างกายได้รวดเร็ว ยับยั้งการเจริญเติบโตของไวรัส และ ยับยั้งการเจริญเติบโตเซลล์มะเร็ง

– ช่วยทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารและสร้างกระดูกให้แข็งแรง จากการศึกษาในคนไข้ผู้สูงอายุบางรายจากการดื่มน้ำ Oxy 150 ppm วันละ3 ขวด หลังจาก 20 วัน สามารถเดินได้โดยไม่ต้องพึ่งพาไม้เท้า

– ช่วยควบคุมการทำงานของต่อมไทรอยด์ และการทำงานของหัวใจให้ทำงานอย่างปกติ

-น้ำ Oxy 150 ppm สามารถดื่มได้โดยที่ไม่ค้องกังวลถึงระดับออกซิเจนมากเกิน ใช้ดื่มได้ทุกวัย

ผู้เขียน พท.ดร.มานิตย์ ศรีพจน์ (แพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก)

สามารถติดต่อได้ โทร 0823877288 ไลน์ไอดี yaforyou

อาจารย์ที่ปรึกษา รศ. ดร.ธนกร ช้างน้อย

ผลิตโดย หจก.วิลพาวเวอร์ อ๊อกซิเจนนิก

ปริมาณออกซิเจนที่มีอยู่ในกระแสเลือดนั้นส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของเราได้ โดยปริมาณของออกซิเจนในร่างกายแบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ

1. ระดับออกซิเจนต่ำ ( Hypoxemia หรือ hypoxia ) คือ แรงดันออกซิเจนหรือค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนน้อยว่าปกติ นั่นคือมีระดับที่มีออกซิเจนในเลือดอยู่ต่ำกว่า 60 มิลลิเมตรปรอทหรือมีค่าความอิ่มตัวในเลือดน้อยกว่า 96% การที่มีระดับออกซิเจนต่ำอาจเกิดได้จากการเป็นโรคโลหิตจาง โรคปอดเรื้อรัง โรคถุงลมโป่งพอง โรคปอดบวม หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับหลอดลมและปอด ภาวะน้ำท่วมปอด ซึ่งโรคเหล่านี้จะทำให้ปอดทำงานได้ไม่เต็มที่ร่างกายจึงเกิดภาวะขาดออกซิเจน ส่งผลให้มสมองทำงานและสั่งงานช้าลงหรือเสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลว หรือการเข้าไปอยู่ในสถานที่อับอากาศก็เป็นสาเหตุให้เกิดสภาวะออกซิเจนต่ำได้

2. ระดับออกซิเจนปกติ คือ แรงดันออกซิเจนหรือค่าความอิ่มตัวของออกซิเจนอยู่ที่ 96-99% ซึ่งเป็นสภาวะที่ดีที่สุดต่อร่างกาย ซึ่งระดับออกซิเจนนี้จะส่งผลให้

2.1 สมองทำงานดี ที่ระดับออกซิเจนปกติสมองจะมีการสั่งงานได้ดี เนื่องจากซลล์สมองจะใช้ปริมาณออกซิเจนมากกว่า 20% ของออกซิเจนทั้งหมดในการทำงาน ดังนั้นเมื่อร่างกายมีออกซิเจนอยู่ในระดับปกติจะทำให้เซลล์สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้มีความจำดี มีสมาธิในการเรียนและการทำงาน เรียนรู้เข้าใจสิ่งต่างๆ ได้ดีและช่วยให้ระบบภายในร่างกายทำงานได้ปกติภายใต้การสั่งงานของสมองที่ถูกต้อง

2.2 ผิวพรรณดี เนื่องจากออกซิเจนและน้ำคือองค์ประกอบที่สำคัญของเซลล์ ดังนั้นเมื่อร่างกายได้รับน้ำและออกซิเจนในปริมาณที่เพียงพอ เซลล์ที่อยู่ในร่างกายก็จะแข็งแรงสมบูรณ์ส่งผลให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล และช่วยให้เซลล์มีอายุยืนขึ้น ช่วยลดริ้วรอยที่เกิดขึ้นก่อนวัยอันควร

2.3 ร่างกายแข็งแรง ออกซิเจนที่อยู่ในรูปของน้ำ เมื่อเข้าร่างกายจะดูดซึมเข้าสู่ตับ เซลล์ของตับจะได้รับออกซิเจนที่อยู่ในน้ำโดยที่เซลล์ตับจะดึงออกซิเจนมาใช้ในกระบวนการเปลี่ยนสารอาหารที่ดูดซึมเข้ามาให้เป็นพลังงานส่งให้กับร่างกาย เมื่อเซลล์ตับแข็งแรงจึงสามารถสร้างพลังงานเพียงพอในการใช้งานของร่างกาย ร่างกายจึงแข็งแรงสมบูรณ์และยังช่วยให้ตับสามารถขับสารพิษออกจากร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการตกค้างของสารพิษที่เป็นอัตรายต่อร่างกาย 

น้ำออกซิเจน ตรา OXY เพียงดื่มวันละ1-3 ขวด เวลาเช้าและก่อนนอตอน

โพสท์ใน general | 1 ความเห็น

เครื่องสำอางชนิดพิเศษ Herbs Serum Cosmetic

1.Hair Tonic Serum เซรั่มบำรุงหนังศีรษะ และเส้นผม 

 

โพสท์ใน general | ใส่ความเห็น

โรคอ้วน / ไขมันสะสม /ไขมันในเลือด /ลดอ้วน-ลดน้ำตาลในเลือด-ลดอาการเบามธุรส(เบาหวาน)/ปวดเมื่อยบ่อยๆ /ปวดตามข้อ

โรคอ้วน แพทย์โบราณเรียกตามศัพท์ภาษาบาลี คือ ถูโลโรค ไขมันสะสมในร่างกายมากเกินไป ซึ่งเกิดจากการเผาผลาญพลังงานบกพร่อง โรคที่เกิดในกองธาตุไฟ (เตโชธาตุ4) ได้แก่ ปริณามัคคี  ปริทัยหัคคี ชิรณัคคี สันตัปปัคคี (ขาดความสมดุลย์) ปัญหานี้ส่วนมากเกิดจากการบริโภคอาหารเกินปริมาณ จนธาตุไฟเสียหายพิการ ส่งผลให้ธาตุ น้ำ ลม ดิน ต้องเสียหายพิการไปตามลำดับ จึงเกิดโรคต่างๆตามมา เช่น เบาหวาน(เบามธุรส) ความดันโลหิตสูง(ลมขึ้นเบื้องสูง) โรคอ้วน โรคหัวใจ(หะทัยวาตะพิการ) อัมพฤก อัมพาต กล้ามเนื้ออ่อนแรง โรคขี้หลงขี้ลืม โรคข้อ 

โรคอ้วน และปัญหาต่อสุขภาพ ในแนวทางปัจจุบัน

โรคอ้วนลงพุงหรือ Metabolic syndrome เป็นภาวะที่อ้วนโดยเฉพาะส่วนเอวและทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายหลายระบบ Metabolic syndrome คำนี้เป็นคำศัพท์ทางการแพทย์ที่ใช้การอย่างแพร่หลาย หมายถึงกลุ่มโรคที่เกิดจากการเผาผลาญอาหารที่ผิดปกติ ส่งผลทำให้เกิดโรค มีไขมันในเลือดสูง สภาวะความดันโลหิตสูง และมีภาวะดื้อต่ออินซูลิน ในที่สุดจะเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดสูง เรียกกลุ่มโรคนี้ว่า Syndrome X, insulin resistance syndrome

พบว่าผู้ที่เป็นโรคอ้วนมีปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจและโรคเบาหวาน พบว่ามีอัตราการเกิดโรคหัวใจเพิ่มขึ้น 2 เท่า และพบว่าผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงมาก มีอัตราการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้น 3 เท่า และเกิดโรคเบาหวานเพิ่ม 24 เท่า

ส่วนมากพบว่าโรคอ้วนจะพบว่า

-เสี่ยงเป็นโรคเบาหวานชนิดที่2 

-เสี่ยงเป็นความดันโลหิตสูง

-เสี่ยงเป็นโรคหัวใจ

-เสี่ยงโรคอัมพฤก อัมพาต  linestopคลินิกแพทย์แผนไทยเชียงใหม่ (หมอมานิตย์ ศรีพจน์)    ใบอนุญาตเลขที่ 50108000258  สำนักงาน 15/26 ซอยหมู่บ้านเพชรบุรินทร์ หมู่5 ต.แม่เหียะ  อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50100   email: manitsripot@gmail.com ติดต่อตามที่อยู่ด้านล่างเว็บเพจนี้อ่าน11

jj

ยาแคปซูลสมุนไพรแก้ โรคอ้วน สูตร1   Herbal Fat Treatment No.1

ส่วนประกอบตัวยา Ingredient : Lycium barbarum , Piper nigrum , Indian Gooseberry , Garcinia atroviridis  ยาสมุนไพร 100 %   สูตรของหมอมานิตย์ ศรีพจน์ (สงวนสูตรห้ามลอกเลียนสูตรยานี้)

pa

วิธีแก้โรคอ้วน ป้องกันโรคอ้วน ลดระดับไขมัน-น้ำตาลในเลือด ด้วยยาแก้โรคอ้วน สูตร1. ของหมอมานิตย์ ศรีพจน์ มีดังนี้

1.รับประทานยาแคปซูลสมุนไพรแก้โรคอ้วน สูตร1. ครั้งละ 1 แคปซูล(ใช้น้ำอุ่นจะดีมาก) วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร 30-60 นาที(สำหรับชายและหญิงอายุ 20 ปีขึ้นไป) ถ้าต้องการรับประทานเพิ่มไม่ควรเกิน 8 แคปซูลต่อวัน

2.รับประทานยาแคปซูลสมุนไพรแก้โรคอ้วน สูตร1. ครั้งละ 1 แคปซูล(ใช้น้ำอุ่นจะดีมาก) วันละ 2 ครั้ง หลังอาหาร 30-60 นาที(สำหรับชายและหญิงอายุ 12-19 ปี ) ถ้าต้องการรับประทานเพิ่มไม่ควรเกิน 4 แคปซูลต่อวัน

3.รับประทานยาแคปซูลสมุนไพรแก้โรคอ้วน สูตร1. ครั้งละ 1 แคปซูล(ใช้น้ำอุ่นจะดีมาก) วันละ 1 ครั้ง หลังอาหาร 30-60 นาที(สำหรับชายและหญิงอายุ 7-11 ปี) ถ้าต้องการรับประทานเพิ่มไม่ควรเกิน 2 แคปซูลต่อวันaaa%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%9b%e0%b8%8f%e0%b8%b4%e0%b8%9a%e0%b8%b1%e0%b8%95%e0%b8%b4okข้อปฏิบัติให้ได้ผลลัพธ์เร็ว

-ควรลดการรับประทานอาหารที่ให้พลังงานสูง เช่น อาหารพวกแป้ง น้ำตาล ไขมันสัตว์ เนย รวมทั้ง ขนมปังและเครื่องดื่มที่ผสมน้ำตาล หรือ ลดลงอาหารจากที่เคยบริโภค 50%                       

-ควรออกกำลังกายเป็นประจำ จะช่วยประสบความสำเร็จในการลดความอ้วนได้เร็วขึ้น(แนะนำขณะออกกำลังกายให้จิบน้ำอุ่นเป็นระยะในช่วงเวลาออกกำลังกาย)

 

คำเตือน

-ห้ามใช้สตรีมีครรภ์ (ห้ามใช้ขณะตั้งครรภ์)

ราคาเวชภัณฑ์

15.ยาแคปซูลแก้โรคอ้วน สูตร1. /ยาแก้โรคอ้วน  /ลดระดับไชมัน-ระดับน้ำตาลในเลือด ขวด ละ 100 แคปซูล (600 มก./แคปซูล)
จัดยา 1 ขวด                      ราคา 600. บาท/ขวด
จัดยา 2-3 ขวด                      ราคาเฉลี่ย 530. บาท/ขวด
จัดยา 4 ขวด ขึ้นไป                      ราคาเฉลี่ย 450. บาท/ขวด

จัดยา 1-4 ขวด + จัดส่ง 50 บาทในประเทศobesitytotal11%e0%b8%95%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%95%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b8%9aaakkk11%e0%b8%99%e0%b8%ad%e0%b8%81%e0%b9%80%e0%b8%a7%e0%b8%a5%e0%b8%b211webb

โพสท์ใน general | 4 ความเห็น

สมรรถภาพทางเพศเสื่อม/ไม่ถึงจุดสุดยอด/ขาดความรู้สึกทางเพศ/ขาดน้ำหล่อลื่น/ขาดน้ำอสุจิ/หลั่งไว/หลั่งช้า/ไม่แข็งตัว

disfuctionsex

โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ  จากข้อมูลการสำรวจของสมาคมศัลยแพทย์ระบบปัสสาวะแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์พบว่า ร้อยละ 30 หรือ 1 ใน 3 ของชายไทยที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป จะมีอาการของโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction หรือ ED) เช่นเดียวกับผู้ชายทั่วโลก ผู้ชายจึงควรทำความรู้จักกับโรคนี้ให้ดี

การแข็งตัวขององคชาตเกิด  การแข็งตัวขององคชาตเกิดขึ้นได้ เมื่อหลอดเลือดแดงในอวัยวะเพศขยายตัวหลังได้รับการกระตุ้นทางเพศที่เหมาะสม ทำให้เลือดไหลเข้าไปในอวัยวะเพศมากขึ้นๆ แต่ไหลกลับออกไปสู่ร่างกายได้น้อยกว่า อวัยวะเพศจึงค่อยๆขยายตัวและแข็งขึ้นจนสามารถสอดใส่เข้าสู่ช่องคลอดได้

หย่อนสมรรถภาพทางเพศ  โดยธรรมชาติ องคชาตของผู้ชายไม่จำเป็นต้องแข็งตัวได้ดี หรือแข็งตัวเต็มที่เหมือนกันทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ความเครียดจากการงาน ความอ่อนเพลียเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ หรืออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม จึงส่งผลให้องคชาตไม่แข็งตัวหรือแข็งตัวได้น้อยจนดูเหมือนเป็นปัญหา แต่ถ้าเป็นเพราะปัจจัยเหล่านี้ ก็จะเป็นโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศเพียงชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากทางการแพทย์จะถือว่าผู้ป่วยเป็นโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศก็ต่อเมื่อมีอาการต่อเนื่องกันนานประมาณ 6 เดือน

สาเหตุ  สาเหตุของโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศแบ่งได้เป็น 2 สาเหตุหลัก ได้แก่ 
  สาเหตุทางกาย อันเนื่องมาจากผู้ป่วยมีปัญหาสุขภาพด้านอื่นๆ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงก่อให้เกิดโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เช่น ป่วยด้วยโรคทางระบบหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ โรคอ้วน เบาหวาน หรือป่วยด้วยโรคทางระบบประสาท โดยโรคที่มีปัจจัยเสี่ยงสูงสุดคือเบาหวาน เนื่องจากเป็นโรคที่มีผลกระทบทั้งต่อระบบหลอดเลือดและระบบประสาท นอกจากนี้ยังมีเรื่องของมะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งการผ่าตัดรักษาอาจส่งผลต่ออาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ค่อนข้างสูง

      สาเหตุทางด้านจิตใจ หากไม่ใช่โรคทางจิตเวชโดยตรง เช่น โรคซึมเศร้า ก็มักมีสาเหตุมาจากความเครียด ความวิตกกังวล เช่น วิตกกังวลว่าจะทำไม่สำเร็จ โดยผู้ป่วยบางรายเคยประสบความล้มเหลวในการมีเพศสัมพันธ์มาแล้วหนึ่งหรือสองครั้ง โดยอาจจะมีสาเหตุมาจากการขาดประสบการณ์หรือความไม่พร้อมในบางด้าน ไม่ได้เกี่ยวกับโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศแต่อย่างใด แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ขาดความมั่นใจ กลัวจะต้องพบกับความล้มเหลวเหมือนเช่นที่ผ่านมา ภาวะวิตกกังวลนี้เรียกว่า “Performance Anxiety” ซึ่งจะส่งผลต่อระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้เลือดเข้าไปเลี้ยงองคชาตได้น้อยลง จนไม่สามารถแข็งตัวได้ ทั้งที่หลอดเลือดก็ไม่ได้มีความผิดปกติใดๆ

การวินิจฉัย  ปัญหาทางเพศของผู้ชายแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ
การหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (erectile dysfunction) หมายถึง การที่องคชาตไม่สามารถแข็งตัว หรือแข็งตัวได้น้อยมาก จนไม่สามารถสอดใส่และทำให้การร่วมเพศประสบความสำเร็จได้ หรือในบางรายอาจสอดใส่ได้ แต่กลับอ่อนตัวลงทั้งที่ยังไม่มีการหลั่ง ซึ่งโดยปกติองคชาตจะอ่อนตัวลงหลังจากถึงจุดสุดยอดและมีการหลั่งน้ำอสุจิแล้ว
 การหลั่งเร็ว (premature ejaculation) หรือที่มักเรียกกันในเชิงล้อเลียนว่า ล่มปากอ่าว หรือนกกระจอกไม่ทันกินน้ำ อาการกลุ่มนี้จะแตกต่างจากกลุ่มแรกตรงที่การแข็งตัวขององคชาตไม่ได้เสียไป องคชาตยังคงแข็งตัวและสอดใส่ได้ เพียงแต่สอดใส่ได้ไม่นานก็ถึงจุดสุดยอด เกิดการหลั่งของน้ำอสุจิเร็วกว่าที่ตั้งใจไว้ 
ไม่มีความต้องการทางเพศ (loss of sexual desire) ส่วนใหญ่จะเป็นไปตามช่วงวัย มักพบในผู้สูงอายุ โดยสาเหตุส่วนหนึ่งอาจมาจากฮอร์โมนเพศชายที่ลดลง แต่พบได้น้อยเนื่องจากฮอร์โมนเพศชายจะหมดช้า แตกต่างจากฮอร์โมนเพศหญิงที่พอหมดช่วงวัยก็จะลดลงค่อนข้างรวดเร็ว 
   เมื่อปัญหาทางเพศที่พบในผู้ชายแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มข้างต้น ในการตรวจวินิจฉัย แพทย์จึงจำเป็นต้องซักถามผู้ป่วยให้ชัดเจนถึงอาการที่เกิดขึ้นว่าอยู่ในกลุ่มใด เพื่อจะดำเนินการรักษาได้อย่างตรงจุด เนื่องจากยังมีความสับสนอยู่มาก เช่น บางคนเข้าใจว่า อาการล่มปากอ่าว กับ หย่อนสมรรถภาพทางเพศ อยู่ในกลุ่มเดียวกัน หรือบางคนเข้าใจว่าตนเองเป็นปัญหาในกลุ่มที่สามคือไม่มีความต้องการทางเพศแล้ว แต่พอซักถามอย่างละเอียดกลับกลายเป็นว่า อันที่จริงยังมีความต้องการทางเพศอยู่ แต่องคชาตไม่สามารถแข็งตัวได้ก็มี หรือในบางรายอาจพบอาการในกลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2 ร่วมกัน ตัวอย่างเช่น คนที่เผชิญภาวะล่มปากอ่าวบ่อยๆ อาจเกิดความวิตกกังวลในการมีเพศสัมพันธ์มากจนกระทั่งองคชาตไม่ยอมแข็งตัว หรือในรายที่เป็นโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศก็เกรงว่าองคชาตจะอ่อนตัวลงก่อนการหลั่ง จึงเร่งรีบที่จะทำให้เสร็จ กลายเป็นการหลั่งเร็วไปก็มี                                                       การใช้ยา โดยยาที่ใช้จะมีกลไกทำให้หลอดเลือดบริเวณอวัยวะเพศเกิดการขยายตัว ทำให้เลือดไหลเวียนเข้าสู่อวัยวะเพศได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้การแข็งตัวดีขึ้นและนานขึ้น แต่ยาจะได้ผลก็ต่อเมื่อมีกลไกทางธรรมชาติเข้ามาเสริมฤทธิ์ กล่าวคือ หลังจากรับประทานยาแล้วประมาณครึ่งชั่วโมง ผู้ป่วยจะต้องมีการกระตุ้นทางเพศ องคชาตจึงจะแข็งตัว เพราะตัวยาจะออกฤทธิ์ก็ต่อเมื่อร่างกายมีการหลั่งสารที่เกิดจากการกระตุ้นให้มีเพศสัมพันธ์

แนวทางการรักษา โรคสมรรถาพทางเพศเสื่อม

โพสท์ใน general | 2 ความเห็น

สมรรถภาพเสื่อม/หลั่งไว/อ่อนตัวใช้การไม่ได้/ขาดความรู้สึกทางเพศ

disfuctionsex

โรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ  จากข้อมูลการสำรวจของสมาคมศัลยแพทย์ระบบปัสสาวะแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์พบว่า ร้อยละ 30 หรือ 1 ใน 3 ของชายไทยที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป จะมีอาการของโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction หรือ ED) เช่นเดียวกับผู้ชายทั่วโลก ผู้ชายจึงควรทำความรู้จักกับโรคนี้ให้ดี

การแข็งตัวขององคชาตเกิด  การแข็งตัวขององคชาตเกิดขึ้นได้ เมื่อหลอดเลือดแดงในอวัยวะเพศขยายตัวหลังได้รับการกระตุ้นทางเพศที่เหมาะสม ทำให้เลือดไหลเข้าไปในอวัยวะเพศมากขึ้นๆ แต่ไหลกลับออกไปสู่ร่างกายได้น้อยกว่า อวัยวะเพศจึงค่อยๆขยายตัวและแข็งขึ้นจนสามารถสอดใส่เข้าสู่ช่องคลอดได้

หย่อนสมรรถภาพทางเพศ  โดยธรรมชาติ องคชาตของผู้ชายไม่จำเป็นต้องแข็งตัวได้ดี หรือแข็งตัวเต็มที่เหมือนกันทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ความเครียดจากการงาน ความอ่อนเพลียเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ หรืออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสม จึงส่งผลให้องคชาตไม่แข็งตัวหรือแข็งตัวได้น้อยจนดูเหมือนเป็นปัญหา แต่ถ้าเป็นเพราะปัจจัยเหล่านี้ ก็จะเป็นโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศเพียงชั่วคราวเท่านั้น เนื่องจากทางการแพทย์จะถือว่าผู้ป่วยเป็นโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศก็ต่อเมื่อมีอาการต่อเนื่องกันนานประมาณ 6 เดือน

สาเหตุ  สาเหตุของโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศแบ่งได้เป็น 2 สาเหตุหลัก ได้แก่ 
  สาเหตุทางกาย อันเนื่องมาจากผู้ป่วยมีปัญหาสุขภาพด้านอื่นๆ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงก่อให้เกิดโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เช่น ป่วยด้วยโรคทางระบบหลอดเลือด ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ โรคอ้วน เบาหวาน หรือป่วยด้วยโรคทางระบบประสาท โดยโรคที่มีปัจจัยเสี่ยงสูงสุดคือเบาหวาน เนื่องจากเป็นโรคที่มีผลกระทบทั้งต่อระบบหลอดเลือดและระบบประสาท นอกจากนี้ยังมีเรื่องของมะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งการผ่าตัดรักษาอาจส่งผลต่ออาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ค่อนข้างสูง

      สาเหตุทางด้านจิตใจ หากไม่ใช่โรคทางจิตเวชโดยตรง เช่น โรคซึมเศร้า ก็มักมีสาเหตุมาจากความเครียด ความวิตกกังวล เช่น วิตกกังวลว่าจะทำไม่สำเร็จ โดยผู้ป่วยบางรายเคยประสบความล้มเหลวในการมีเพศสัมพันธ์มาแล้วหนึ่งหรือสองครั้ง โดยอาจจะมีสาเหตุมาจากการขาดประสบการณ์หรือความไม่พร้อมในบางด้าน ไม่ได้เกี่ยวกับโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศแต่อย่างใด แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ขาดความมั่นใจ กลัวจะต้องพบกับความล้มเหลวเหมือนเช่นที่ผ่านมา ภาวะวิตกกังวลนี้เรียกว่า “Performance Anxiety” ซึ่งจะส่งผลต่อระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้เลือดเข้าไปเลี้ยงองคชาตได้น้อยลง จนไม่สามารถแข็งตัวได้ ทั้งที่หลอดเลือดก็ไม่ได้มีความผิดปกติใดๆ

การวินิจฉัย  ปัญหาทางเพศของผู้ชายแบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม คือ
การหย่อนสมรรถภาพทางเพศ (erectile dysfunction) หมายถึง การที่องคชาตไม่สามารถแข็งตัว หรือแข็งตัวได้น้อยมาก จนไม่สามารถสอดใส่และทำให้การร่วมเพศประสบความสำเร็จได้ หรือในบางรายอาจสอดใส่ได้ แต่กลับอ่อนตัวลงทั้งที่ยังไม่มีการหลั่ง ซึ่งโดยปกติองคชาตจะอ่อนตัวลงหลังจากถึงจุดสุดยอดและมีการหลั่งน้ำอสุจิแล้ว
 การหลั่งเร็ว (premature ejaculation) หรือที่มักเรียกกันในเชิงล้อเลียนว่า ล่มปากอ่าว หรือนกกระจอกไม่ทันกินน้ำ อาการกลุ่มนี้จะแตกต่างจากกลุ่มแรกตรงที่การแข็งตัวขององคชาตไม่ได้เสียไป องคชาตยังคงแข็งตัวและสอดใส่ได้ เพียงแต่สอดใส่ได้ไม่นานก็ถึงจุดสุดยอด เกิดการหลั่งของน้ำอสุจิเร็วกว่าที่ตั้งใจไว้ 
ไม่มีความต้องการทางเพศ (loss of sexual desire) ส่วนใหญ่จะเป็นไปตามช่วงวัย มักพบในผู้สูงอายุ โดยสาเหตุส่วนหนึ่งอาจมาจากฮอร์โมนเพศชายที่ลดลง แต่พบได้น้อยเนื่องจากฮอร์โมนเพศชายจะหมดช้า แตกต่างจากฮอร์โมนเพศหญิงที่พอหมดช่วงวัยก็จะลดลงค่อนข้างรวดเร็ว 
   เมื่อปัญหาทางเพศที่พบในผู้ชายแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มข้างต้น ในการตรวจวินิจฉัย แพทย์จึงจำเป็นต้องซักถามผู้ป่วยให้ชัดเจนถึงอาการที่เกิดขึ้นว่าอยู่ในกลุ่มใด เพื่อจะดำเนินการรักษาได้อย่างตรงจุด เนื่องจากยังมีความสับสนอยู่มาก เช่น บางคนเข้าใจว่า อาการล่มปากอ่าว กับ หย่อนสมรรถภาพทางเพศ อยู่ในกลุ่มเดียวกัน หรือบางคนเข้าใจว่าตนเองเป็นปัญหาในกลุ่มที่สามคือไม่มีความต้องการทางเพศแล้ว แต่พอซักถามอย่างละเอียดกลับกลายเป็นว่า อันที่จริงยังมีความต้องการทางเพศอยู่ แต่องคชาตไม่สามารถแข็งตัวได้ก็มี หรือในบางรายอาจพบอาการในกลุ่มที่ 1 และกลุ่มที่ 2 ร่วมกัน ตัวอย่างเช่น คนที่เผชิญภาวะล่มปากอ่าวบ่อยๆ อาจเกิดความวิตกกังวลในการมีเพศสัมพันธ์มากจนกระทั่งองคชาตไม่ยอมแข็งตัว หรือในรายที่เป็นโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศก็เกรงว่าองคชาตจะอ่อนตัวลงก่อนการหลั่ง จึงเร่งรีบที่จะทำให้เสร็จ กลายเป็นการหลั่งเร็วไปก็มี                                                       การใช้ยา โดยยาที่ใช้จะมีกลไกทำให้หลอดเลือดบริเวณอวัยวะเพศเกิดการขยายตัว ทำให้เลือดไหลเวียนเข้าสู่อวัยวะเพศได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้การแข็งตัวดีขึ้นและนานขึ้น แต่ยาจะได้ผลก็ต่อเมื่อมีกลไกทางธรรมชาติเข้ามาเสริมฤทธิ์ กล่าวคือ หลังจากรับประทานยาแล้วประมาณครึ่งชั่วโมง ผู้ป่วยจะต้องมีการกระตุ้นทางเพศ องคชาตจึงจะแข็งตัว เพราะตัวยาจะออกฤทธิ์ก็ต่อเมื่อร่างกายมีการหลั่งสารที่เกิดจากการกระตุ้นให้มีเพศสัมพันธ์

แนวทางการรักษา โรคสมรรถาพทางเพศเสื่อม

โพสท์ใน general | ใส่ความเห็น

ครีมบำรุงผิวหน้า /Teen Face Cream

Teen Face Cream

บอดี่ ไบร์ท ครีม
ใบรับแจ้งที่ 50-1-5500219

สารสกัดสำคัญใน ทีน เฟส ครีม

Ingredient  Of  Teen Face Cream

Extract herbs.สารสกัดสมุนไพรไทย 4 พลังสว

1.Pueraria Mirifica extract สารสกัดสมุนไพรกวาวเครือขาว

2.   Aloe Barbadensis Extract สารสกัดสมุนไพรว่านหางจระเข้

3. Emblic Myrabolan Extract สารสกัดสมุนไพรผลมะขามป้อม

4.Rhinacanthus Nasutus Extract สารสกัดสมุนไพรทองพันชั่ง

ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับผู้ใช้  Teen Face Cream ทีน เฟส ครีม
     ครีมบำรุงผิวหน้ามีคุณสมบัติหลากหลาย
     มีสารออกฤทธิ์จากสารสกัดสมุนไพรว่านหางจระเข้สารอะลอคตินเอ สารอะโลมิซิน สารอะโคลูติน และสารโพลีแซคคาไรด์ รักษากระ ฝ้า รอยไหม้ ดำ ด้าน แผลเป็นจากน้ำร้อนลวก และแผลเป็นทั่วๆไปให้จางลง
      มีสารออกฤทธิ์จากสารสกัดสมุนไพรผลมะขามป้อม เช่นสารออกฤทธิ์ในกลุ่ม alkaloids, benzenoids, ascorbic acid, flavonoids, sterols, carbohydrates และ tannins รักษารอยเหี่ยวย่น   ลบรอยตีนกา  ทำให้ผิวเกลี้ยงใส
      มีสาร rhinacanthin C D และ N จากใบทองพันชั่งสามารถยับยั้งเชื้อ ไวรัสเริม งูสวัด
      มีสารออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน ( Bio estrogen) ช่วยบำรุงผิวให้เปล่งปลั่ง ขาวเนียน กระจ่าง และผิวกระชับผิว
      มีสารอาหารวิตามินและแร่ธาตุ จากสารสัดสมุนไพรหลากหลายชนิด
ช่วยบำรุงผิวและปรับสภาพผิวให้เปล่งปลั่งสวยงามอยู่เสมอ
     วิธีใช้ หลังจากล้างหน้าให้สะอาด ทาครีมนี้รเวณใบหน้า ทาเน้นบริเวณ

ที่มีร่องรอย เหี่ยวย่น และจุดด่างดำ กระฝ้า วันละ1-2 ครั้ง เช้า ก่อนนอน

ติดต่อสอบก่อนซื้อได้ที่ หมอมานิตย์ โทร 0813879721 หรือ 0823877288

email: manitsripot@gmail.com หรือ ttmdoctor@hotmail.com

โพสท์ใน general | ใส่ความเห็น

ยาดีเด่น สมุนไพร 100%

ยาดีเด่น สมุนไพร 100%

เป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่ควบคุม และเป็นสูตรยาของมาินิตย์ โดยตรง ไม่มีการเจือสารเคมีใดๆ

และความสะอาดของตัวยาได้ตามมาตรฐาน มีความปลอดภัยจากสารเคมี 100%

1. ยาแคปซูลพลูคาว Houtuynia Cordata

2. ยาแคปซูลบำรุงบุรุษ Herbal cap. for men tonic.

3.ยาแคปซูลบำรุงสตรี Herbal cap. for women tonic.

4.ยาแคปซูลรักษามดลูก Wocare cap.

5.OPC BALM โอ พี ซี บาล์ม

เครื่องสำอางสมุนไพรสกัด

1. N TONIC CREAM ครีมทาบริเวณผิวที่ชำรุด เสื่อมโทรม

2.TEETH CARE CREAM ยาสีฟัน สูตรรักษาเหงือก ฟัน

2.TEEN FACE CREAM ครีมบำรุงผิวหน้าให้สวยใส

3.BODY BRIGHT CREAM ครีมบำรุงผิวกาย ผิวสวยใสเนียน

4.N OVERAY CREAM ครีมกันแดด ป้องกันผิวไหม้

5.LILLY BREAST CREAM ครีมบำรุงผิวทรวงอกให้ดูดี เต่งตึง

6.M POINT CREAM ครีมบำรุงผิวที่ของท่านชาย

โพสท์ใน general | ใส่ความเห็น